Monday, January 2, 2012

ตรรกะที่สลาย myths (ความเชื่อที่ผิดๆ) เกี่ยวกับการลงเรียน writing

บทความนี้เป็นบทความที่น่าสนใจเกี่ยวกับการเรียน Writing ด้วยตัวเองที่ผมเจอมาจาก pantip.com ครับ

*****กระทู้ที่เห็นบ่อยมากๆก็คือเรียน writing ที่ไหนดี?....*****

แล้วก็มีคนมาแนะนำที่นั่นที่นี่กันใหญ่ (บางทีคนตั้งกระทู้เป็นหน้าม้าโรงเรียนสอนภาษา หรืออาจถามเพราะไม่รู้จริงๆก็ได้) แล้วก็เลยแห่ไปเรียนกันใหญ่

แต่จะอย่างไรก็ตามนะ ส่วนใหญ่ (เราคาดว่า ประมาณ 90% ของผู้เรียน) เมื่อเรียนwriting ที่สอนกันแค่ไม่กี่สิบชั่วโมง (ประมาณ 40 - 60 ชม)  พอจบมาแล้ว ก็เขียนภาษาอังกฤษไม่ได้ดี  หรือบางทีเขียนออกมาแล้วอ่านไม่เป็นภาษาคนด้วยซ้ำไป  ...แล้วก็เสียเงินเปล่าๆอย่างแน่นอน...

เพราะอะไร

เรามาดูเหตุผลกันก่อนที่จะไปเสียเงินเรียน ไม่ว่าจะเป็นที่ไหน หรือใครเก่งมาจากไหน มาสอน ก็ตามเถิด...ว่า

*****"มันเป็นไปได้หรือไม่ที่จะสอน writing ให้ผู้เรียนเขียนกันได้จริงๆ ภายในระยะเวลาหลักสูตร 60 ชม หรืออะไรทำนองเนี้ย....!!!!!!??????"*****

โปรดตั้งใจอ่านให้ดีๆ แล้วคุณจะเข้าใจกลไก ในการเรียนการสอน writing แล้วคุณจะประหยัดเงินไปได้มากมาย...

บางคนอาจคิดว่า เราไม่มีปัญญาหาเงินหลายๆร้อยล้านจากการติวภาษาอังกฤษ เราจึงพูดให้ติวเตอร์รวยๆคนอื่นรายได้น้อยลง แต่คุณลองอ่านดูให้ดีๆ แล้วคุณอาจเรียน writing ได้ด้วยตนเองก็ได้  ซึ่งสิ่งที่เราเขียนเป็นประโยชน์แก่ผู้อยากเรียน writing อย่างแน่นอน...

ก่อนอื่นขอบอกก่อนว่า  การที่คนเราจะเขียนได้นั้น จะต้องมีอาวุธในมือ (นอกจาก grammar แล้วคือรู้คำศัพท์)  และคำศัพท์ภาษาอังกฤษง่ายๆ ที่ใครๆก็รู้ๆกันอยู่  ส่วนใหญ่รู้กันว่าแปลว่าอะไร ในความหมายง่ายๆ แต่พอเอาไปสร้างประโยคกันเข้าจริงๆ ปรากฏว่า สร้างประโยคแล้วผิดธรรมชาติไปหมด 

ลองมาเริ่มดูตั้งๆแต่
Basic English core vocabulary คือศัพท์ง่ายๆที่สุดที่ใช้พูดในชีวิตประจำวันจริงๆ มีประมาณ 850 คำ ... ตามไปดูที่ link นี้

http://en.wiktionary.org/wiki/Appendix:Basic_English_word_list

ถัดจากนั้นก็จะเป็น defining vocabulary ประมาณ 2,000 คำ ที่จำเป็น  เนื่องจากการรู้ศัพท์พวกนี้ จะเปิดประตูให้ผู้เรียนสามารถใช้ dictionaries อังกฤษ-อังกฤษได้  ซึ่งสามารถหาคำศัพท์ยากๆกว่านั้นได้อีกด้วย (จนถึงขั้นสามารถขว้าง dictionaries อังกฤษ-ไทย ทิ้งไปหมดได้เลย ...เว้นเสียแต่ว่าจะยังต้องทำงานแปล)  และแท้จริงแล้วการใช้คำศัพท์ เพียงแค่ 2,000 คำนี้ ก็เกือบจะสามารถพูดถึงเรื่องอะไรทั่วๆไปได้จนเกือบหมดแล้ว

defining vocabulary ประมาณ 2,000 คำ  ให้ไปดูที่ link นี่

http://www.cs.utexas.edu/users/kbarker/working_notes/ldoce-vocab.html

จากนั่นก็จะขยับไปเรียน 5,000 คำ ซึ่งถ้าใครรู้ 5,000 คำที่ว่านี้  ก็จะอ่านนิยายภาษาอังกฤษส่วนใหญ่ได้โดยไม่ต้องเปิด dictionaries ให้เหนื่อยแรงมากนัก 

ศัพท์ 5,000 คำ ไปดูหน้าตามันได้ ตาม link ข้างล่างไป

http://www.freevocabulary.com/

แต่สำหรับคนไทยที่เรียนภาษาอังกฤษเป็นภาษาที่สองนั้น การรู้ศัพท์ 5,000 คำแล้วเข้าใจได้  เป็นคำโดดๆ  น่าจะทำได้ง่ายๆ 

แต่ตามที่บอกแล้วว่า ศัพท์ภาษาอังกฤษ แต่ละคำนั้น ส่วนใหญ่จะแปลเป็นกลุ่มคำ  นั่นก็หมายความว่า การเรียน writing ในภาษาอังกฤษ โดยใช้คำศัพท์ 5,000 คำ (แต่อย่าลืมว่านักเขียนฝรั่งเก่งๆ รู้ และใช้ศัพท์หลายหมื่นหรือนับเป็นแสนๆคำในการเขียน) นั้นมันไม่เหมือนกับเรียนภาษาจีน 5,000 คำ ซึ่งเอาคำศัพท์ที่แปลเป็นคำๆโดดๆไปใช้ได้โดยง่าย  แต่ในภาษาอังกฤษ ไอ้ 5,000 นี้ ถ้าเรียนมา แล้วไม่รู้ collocations มากพอ (ซึ่งต้องใช้เวลาจำหลายปีมากๆ)  ก็เขียนประโยคผิดอยู่ดี 

*****แต่ถ้าจะจำ collocations ทั้งหมดได้นั้น  จะเห็นได้ว่าจำนวน permutations ของมัน (คือลองเอามาจับกลุ่มกันวางสลับไปสลับมา)  จะออกมาเป็นตัวเลขที่น่าตกใจมากกว่า 5,000 หลายๆเท่าเลย....!!!!!***** 

นั่นก็หมายความว่า พฤติกรรมเฉพาะตัวของคำศัพท์แค่ 5,000 คำ นี้  ถ้าจะเรียนให้หมด คงต้องใช้เวลาหลายๆปีมากๆ   และนั่นก็เป็นข้อพิสูจน์ว่า 

ไม่มีใครในโลกที่จะสอน writing ให้กับคุณได้ภายในเวลาเพียงแค่ไม่กี่ชั่วโมง (เหมือนที่โฆษณากันอยู่ตามโรงเรียนสอนภาษาทั่วๆไป) เว้นเสียแต่ว่าคุณจะไปเกิดในประเทศที่พูดภาษาอังกฤษหรือไปโตที่นั่นตั้งแต่อายุสิบขวบต้นๆ...........

หรือเว้นเสียแต่ว่า คุณเรียนวิธีการใช้คำศัพท์เพื่อสร้างประโยคอย่างถูกต้องมาแล้วจาก esl dictionaries 4 เล่มที่แนะนำให้ โดยเรียนรู้พฤติกรรมเฉพาะของคำศัพท์แต่ละตัวนั่นเอง (ซึ่งก็จะต้องใช้เวลาศึกษานานหลายปี)อ้อ แล้วอย่าลืม grammar เรื่องอื่นๆด้วยล่ะ ที่ถ้าคุณยังไม่คล่อง ก็ไม่มีใครสอนคุณให้แก้ไขข้อผิดพลาดได้ภายในเวลาเพี่ยงแค่ไม่กี่ชั่วโมงสมดั่งคำโฆษณา.... !!!"

นอกจากอันตรายของการใช้คำศัพท์สร้างประโยคที่ผิดธรรมชาติแล้ว (บางทีง่ายๆก็ยังใช้ผิดเลย)  writing เมื่อปรากฏบน computer file, หน้ากระดาษ หรือกระดานข่าว pantip ในกรณีที่มีคนหัดเขียนภาษาอังกฤษแล้วเอามาให้เพื่อนๆสมาชิกแก้  ยังมี non-native speaker’s errors (ข้อผิดพลาดของคนที่ไม่ใช่เจ้าของภาษา) ที่เห็นบ่อยที่สุดดังต่อไปนี้

1. conjugation (กระจาย verbs)  ผิด  เช่นบางคนยังพูดในชีวิตประจำวันโดยใช้กริยา 3 ช่อง (บางทีเปลี่ยน verb forms เมื่อเปลี่ยน active sentences เป็น passive sentences หรือในทางกลับกัน ก็ยังเปลี่ยนไม่ถูก) นั่นก็คือ conjugate verbs (ผันกิริยา) ยังไม่แม่นเลย แต่ขยับไปเรียนเขียนเสียแล้ว
2. ใช้ prepositions ผิด  (อันนี้จะเรียนให้ถูกได้ต้องอาศัยเปิด esl dictionaries)
3. ใช้ tenses ผิด
4. เลือกคำที่ไม่สื่อความหมายตามที่ผู้เขียนต้องการที่จะสื่อ
5. ข้อผิดพลาดที่ร้ายแรงที่สุดก็คือ grammar พื้นฐานระดับ ม.1-3  ยังไม่คล่อง แต่เรียนวิ่งก่อนเรียนเดิน  นั่นก็คือดันเรียนคำศัพท์ ไป 5,000 คำเรียบร้อยแล้ว โดยที่ นอกจากจะไม่รู้ collocations แล้ว แถมยังไม่รู้ grammar ระดับ ม. 1-3 อีกด้วย!....และยังมีข้อผิดพลาดอย่างอื่นอีกมากมาย สุดที่จะพรรณนาให้หมดได้...

การสอนเขียนที่โรงเรียนสอนภาษาแต่ละแห่งสอนกัน วิธีการก็คงมีแตกต่างกันออกไปบ้าง แต่มันก็คงไม่หนีแนวคิดแบบ EN302 ที่สาธิตไว้ให้ดูหรอก  เนื่องจากว่า หากไม่ครอบคลุมเนื้อหาสาระ ในแนวนี้ มันก็ไม่ใช่เรื่องราวเกี่ยวกับ writing

ด้วยเหตุเช่นนี้  writing course ที่น่าจะมีเนื้อหาสาระดังที่สาธิตให้ดู จาก EN302 จึงใช้สอนเด็กฝรั่งเจ้าของภาษา ที่มีความร็แค่ระดับปีหนึ่งมหาลัย หรือแค่ high school  ได้สบายๆเสียด้วยซ้ำไป  โดยใช้เวลาสอนภายในเวลาเพียงแค่ไม่กี่เดือนเอง 

*****เนื่องจากเด็กฝรั่งเจ้าของภาษาไม่มี non-native speaker’s errors ให้ต้องแก้ไขกัน เป็นเวลาหลายๆปี (หรือหลายๆสิบปี) แบบคนไทย...!!!!!***** 

ดังนั้น concept ที่ว่า โรงเรียนนั้นสอน writing ดี เรียนแค่ไม่กี่เดือนก็เขียนได้นั้น  เราว่ามันเป็น myth (ความเชื่อที่ผิดๆมากกว่า)  หรือไม่ก็คนที่เรียนจบมาแล้ว หลงคิดว่าตัวเองเขียนได้ แต่ไม่เคยลองเขียนให้ฝรั่งดูว่ามันผิดกี่แห่ง 

พออ่านมาแล้วบางคนถามว่า

แล้วถ้าเกิดมีคนไทยสักคน ซึ่งไม่มีข้อบกพร่องต่างๆ ที่เราสำแดงรายการมาให้ดู  นั่นก็คือ คนๆนั้น รู้พฤติกรรมเฉพาะตัวของคำศัพท์แต่ละคำ แถมยังไม่มีข้อผิดพลาดที่แสดงไว้ใน ข้อ 1- 5 ล่ะ เขาก็คงจะไปเรียน writing ที่โรงเรียนสอนภาษาได้ผลภายในเวลาเพียงแค่ไม่กี่ชั่วโมง...สมดั่งคำล่ำลือว่าโรงเรียนนั้น โรงเรียนนี้สอน writing เก่งจริงๆ ใช่หรือไม่?”

คำตอบก็คือ ใช่โดยมีข้อแม้ว่าโรงเรียนสอนถูกหลักการจริงๆ  แต่   .........

มีแต่อะไร อีกล่ะ...(แหมชอบขัดลาภจริงๆนะเชียว...555+++)  โรงเรียนสอนภาษาเกือบจะได้เงินแล้ว รีบๆพูดออกมาสิ ชักหงุดหงิดแล้วนะ...ฮึ่มๆๆๆๆ..!!!!

แต่อะไรหรือคำตอบมัน "ironical มากๆ" ....  นั่นก็คือว่า 

หากคุณไม่มีข้อบกพร่องใดๆดังที่กล่าวมาแล้ว หรือมีแต่มีน้อยมากๆ นั้น  ...........นั่นก็หมายความอีกด้วยว่า

*****
คุณพร้อมแล้วที่จะซื้อหน้งสือ (ที่คล้ายๆ EN302) หรือหาบทเรียน writing ของฟรีจากบนเว็บ (เช่นที่เราแนะนำไว้ที่
http://grammar.uoregon.edu/toc.html หรือจากเว็บอื่นๆอีกมากมาย)  เพื่อที่จะเอามาเรียน writing ด้วยตนเองได้ โดยไม่ต้องเสียเงินให้โรงเรียนสอนภาษานั่นเอง.......!!!" *****


No comments:

Post a Comment